มาเล็งต้นตอ…ก่อมะเร็งทวารหนัก องค์การอนามัยโลก และ สมาคมต่อต้านมะเร็งสากล กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อบรรเทาปัญหาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง พบว่ามะเร็งคือโรคอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลก พอพูดถึง

6 กุมภาพันธ์ 2568
 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง

มาเล็งต้นตอ…ก่อมะเร็งทวารหนัก 
องค์การอนามัยโลก และ สมาคมต่อต้านมะเร็งสากล กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อบรรเทาปัญหาการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง พบว่ามะเร็งคือโรคอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลก
พอพูดถึงมะเร็งหลาย ๆ คนคงนึกถึง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม หรือ มะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่ยังมีอีกหนึ่งจุดที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถือเป็นตัวที่ติด 3 อันดับที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มโรคมะเร็งด้วยกันอย่าง ❝มะเร็งทวารหนัก❞ ซึ่งมี 4 ระยะด้วยกัน
 สาเหตุหลัก มาจาก❛ไวรัส HPV (Human Papilloma Virus)❜ โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV-16 และ HPV-18 ติดต่อผ่านการสัมผัสถูกสารคัดหลั่งที่ปนเชื้อโดยตรง หรือ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และยังก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางชนิด เช่น การสูบบุหรี่ การไม่ใช้ถุงยางอนามัย การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก สำหรับที่อายุมากขึ้นตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นได้ และคนที่กินยากดภูมิคุ้มกัน หรือ ผู้ติดเชื้อ HIV เองก็มีโอกาสเสี่ยงด้วยเช่นกัน
 สัญญาณเตือนด้วยอาการต่าง ๆ สังเกตได้ดังนี้
 มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นแถวทวารหนัก
 มีมูกเลือดปนมาในอุจจาระ หรือ ถ่ายปนเลือด
 มีการขับถ่ายลำบากขึ้น ถ่ายไม่สุด สลับท้องผูกกับท้องเสียเรื้อรังในบางราย
 น้ำหนักลด ปวดท้องเรื้อรัง
 มีอาการปวดตื้อ ๆ หรือ ปวดแสบร้อน ทางทวารหนัก
 มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาดหนีบโต (ส่วนใหญ่พบในระยะสุดท้าย หรือ รุกรามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว)
หากสงสัย หรือ สังเกตพบสัญญาณเตือนข้างต้น สามารถตรวจได้ด้วย การตรวจตัวอย่างอุจจาระ ตรวจเลือด ตรวจชิ้นเนื้อ ตรวจอัลตราซาวด์ ส่องกล้องตรวจ และการสวนแป้งแบเรียมเข้าไปทางทวารหนัก แล้วเอกซเรย์ (X-ray) กับทุกโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยโรคต่อไปเพื่อการรักษาที่ตรงจุด เหมาะสมกับระยะที่เป็น
ขอบคุณข้อมูลโดย : โรงพยาบาลสมิติเวช
 ด้วยรักและห่วงใย อยากให้คนไทยรอบรู้เรื่องสุขภาพ และมีสุขภาพที่ดีได้ทุกวัยในทุกวัน จาก กรมอนามัย 
 อย่าลืมกดติดตาม Facebook กรมอนามัย เพื่อติดตามข่าวสาร สาระสุขภาพ และกิจกรรมดี ๆ จากเรานะคะ
ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!